จัดสเปคคอมสายขุด BITCOIN สเปคเป็นยังไงมาดูกัน?

ตอนนี้กระแสของสกุลเงินออนไลน์อย่าง Bitcoin ซึ่งเป็นเงินอิเล็กทรอนิกส์กำลังมาแรงในบ้านเราก่อนหน้านี้ก็นิยมขุดกันอยุ่แล้ว แต่ช่วงนี้กำลังฮอตเนื่องจากราคาของตลาด Bitcoin เคยพุ่งแรงสูงสุดอยู่ที่ 1BTC เท่ากับ  3,100 USD หรือราวๆ 110,000 บาทเลยทีเดียว ทำให้หลายคนสนใจที่จะเข้าไปลงทุนกันเป็นจำนวนมาก บ้างก็เทรดเก็งกำไร บ้างก็จะลงทุนกับอุปกรณ์จำพวก Hardware Computer โดยนำมาใช้ป็นเครื่อง Mining/Hashing หรือเรียกกันสั้นๆว่าสายขุด ผู้ที่สนใจก็อาจจะยังไม่ทราบว่าจะลงทุนขุด Bitcoin จะต้องมีสเปคอย่างไร ทีมงานเลยจัดทำบทความนี้เพื่อที่จะให้สายขุดเหมืองบิทคอยน์นำไปใช้กัน

1.CPU

การขุด Cryptocurrency เหรียญต่าง ไม่จำเป็นจะต้องใช้ซีพียูตัวที่ดีที่สุดหรือประสิทธิภาพดีที่สุด เพราะจะใช้การประมาณผลจากการ์ดจออย่างเดียว ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ CPU ที่มีจำนวนคอร์และเทรดเยอะๆ อย่างพวก Intel Core I9 , Core i7, Xeon หรือแม้กระทั่ง AM4 RYZEN7 ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่จาก AMD ส่วนใหญ่จึงต้องใช้ CPU ที่มีราคาถูกและประหยัดที่สุด เช่น Socket 1151 Pentium G4400 และ Socket 1150 G3250 มีเพียงสองรุ่นเท่านั้น

2.RAM

หน่วยความจำหรือแรม ตัวสคริปไม่ค่อยได้นำไปประมวลผลมากนัก ดังนั้นเราจะใช้เพียง 4GB เท่านั้นส่วนบัสให้เราดูตาม Socket นั้นๆ ถ้าเป็น Socket 1150 ให้ใช้ 4GB DDR3 1600 ส่วน Socket 1151 ให้ใช้ 4GB DDR4 2133 หรือถ้าราคาไม่ต่างกันมาให้ใช้ 4GB DDR4 2400 ส่วนแบรนด์ขึ้นอยู่กับความชอบของลูกค้าถ้าให้แนะนำคงเป็น Kingston หรือ G.Skill เป็นต้น

3.Storage

ส่วนฮาร์ดไดร์ฟไม่ได้ใช้ในสคริปเลย แต่จะใช้เพื่อให้ใช้งานโปรแกรมและระบบปฏิบัติการหรือวินโดว์เท่านั้น ดังนั้นจะใช้เป็น Solid State Drive หรือ SSD เพียง 120GB ก็พอ รุ่นที่แนะนำก็จะเป็น Kingston SUV 400 120GB และ Sandisk Ultra II 120GB แต่ไม่แนะนำให้ใส่ M.2 เท่าไหร่นักเพราะเกรงว่าจะไปติดกับสล๊อตการ์ดจอซึ่งทำให้ไม่ค่อยสะดวก

4.Mainboard

เมนบอร์ดจะเป็นลักษณะพิเศษคือให้สังเกตุช่อง PCIe จะมีประมาณ 5-6 ช่อง รวมๆประมาณไม่ต่ำกว่า 5 ช่อง เพื่อที่จะสามารถให้ใช้การ์ดจอได้หลายใบ ดังนั้นจะเลือกใช้บอร์ดไหนขึ้นอยู่กับลูกค้าแล้วล่ะครับ เลือกใช้ตามรายการด้านล่างได้เลย แต่ถ้าจะให้แนะนำคงเป็น Biostar Socket 1151 รุ่น TB250-TBC ซึ่งราคาก็ไม่แพงมานักเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นอย่างพวกตระกูลซิปเซ็ต H170 Z170 และ H270 Z270 ซึ่งจะมีราคาแพงกว่าสองสามเท่าตัว  รายการด้านล้างให้เครดิตจากเฟนเพจ : Bitcoin Thai club ซึ่งเป็นเพจเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องบิทคอยน์ทั้งนั้น

5.VGA Card

การ์ดจอจะเป็นอุปกรณ์สร้างรายได้หลักก็ว่าได้ ทะว่าจะใช้รุ่นไหนให้คำนวนจากค่าความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพสูงในการ Hashing และคุ้มค่าไฟบวกกับต้นทุน การ์ดจอนั้นจะมีอยู่สองค่ายใหญ่ๆ นั้นก็คือ AMD และ Nvidia  ดังนั้นทีมงานจึงสรุปคร่าวๆเกี่ยวกับการ์ดจะที่นิยมนำมาใช้ขุดคือ

• AMD  จะมีอยู่ประมาณ 4 รุ่น คือ RX 470 RX 480 RX570, RX580  จะใช้เป็น 4GB หรือ 8GB ก็ได้ (แนะนำที่ 8GBครับ ถ้างบประมาณมีพอ)
• NVIDIA จะมีอยู่ประมาณ 5  รุ่น คือ GTX1050Ti, GTX1060, GTX1070, GTX1080,GTX1080Ti จะเลือกใช้ป็น 3GB 6GB หรือ 8GB ก็ได้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและงบประมาณ

6.Powersupply

เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักใจการจ่ายไฟให้กับการ์ดจอและทั้งระบบ ส่วนมากการ์ดจอที่นิยมนำไปใช้ในการขุดนั้นจะเป็น GTX1060 และ RX470 ซึ่งจะใช้พาวเวอร์ซัพพลายอยู่ที่ประมาณ 1000W และ 1200W ในรุ่นที่สูงขึ้น ขึ้นอยู่การใช้พลังงานของการ์ดจอ คูณด้วย 6 อย่างเช่น การ์ดจอ 1 ตัว ใช้ไฟอยู่ที่ 150W ก็นำ 6×150 เท่ากับ คร่าวๆ 900W เผื่อระบบอื่นด้วยก็จะประมาณ 1000W พอดี จะใช้เป็นแบบคู่ก็ได้เช่น 750W x2 ตัวก็ได้แล้วแต่สะดวก ดังนั้นหากไม่แน่ใจให้ปรึกษาร้านที่ซื้อก่อนเผื่อทางร้านมีช่างเทคนิคที่พอแนะนำให้ได้ อีกอย่างแนะนำให้ใช้ Powersuply ที่มีคุณภาพระดับ 80+Gold ให้สังเกตุง่ายๆจะมีสัญลักษณ์หรือเขียนบอกข้างกล่อง ส่วนแบรนด์ที่นิยมใช้ก็คือ Corsair, Cougar ,FSP ,Superflower Thermaltake,EVGA, XFX ,Seasonic,AeroCool เป็นต้น

7.Case

ส่วนใหญ่จะสั่งทำหรือมีขายตามเฟสบุ๊คที่ทำขึ้นจากโครงอะลูมิเนียมตัวละประมาณ 1500 บาท ขึ้นอยู่กับการออกแบบของช่างที่ทำขายและขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ถ้าจะประหยัดสุดลูกค้าก็สามารถทำใช้เองก็ได้ครับ

8.สายพ่วงการ์ดจอ PCI-E 1X to PCI-E 16X (สายไรเซอร์)

คำถามแรกคือหาซื้อได้ที่ไหน หาซื้อได้ตามร้าน Accessories ทั่วไป และร้านคอมพิวเตอร์นั่นแหละครับ  ส่วนใหญ่จะใช้แบบ USB 3 สาเหตุก็คือต้องการเสียบให้ได้เยอะๆ  ไม่ได้เน้นแบนด์วิท การ์ดจอจะส่งเพียงแค่ข้อมูลรหัส HASH ขนาดเล็กๆ จึงไม่ต้องกังวลว่าวิ่งเต็ม 16X 8X เพราะใช้เพียง 1X ก็เพียงพอแล้ว

2.RAM